• คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปและรัฐสภายุโรปบรรลุความตกลงทางการเมืองเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Industry Act: NZIA) เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิตที่สะอาดของสหภาพยุโรปมีความยืดหยุ่นและสามารถแข่งขันได้
  • กฎหมายนี้จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เรียบง่ายและเอื้ออำนวยต่อการดึงดูดและส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดและโครงการที่จะมีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เร่งการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในสหภาพยุโรป ช่วยให้เข้าถึงตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ความยั่งยืนและความยืดหยุ่นของสหภาพยุโรป และสนับสนุนการพัฒนาทักษะและนวัตกรรม ที่จำเป็นสำหรับการสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย net-zero

คณะกรรมาธิการยุโรปยินดีต่อความตกลงทางการเมืองชั่วคราวระหว่างคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปและรัฐสภายุโรปเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Industry Act: NZIA) ความตกลงนี้จะช่วยให้สหภาพยุโรปเป็นแหล่งผลิตเทคโนโลยีสะอาดและนับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการสร้างกำลังการผลิตเทคโนโลยีเหล่านี้ที่แข็งแกร่งในสหภาพยุโรป

NZIA จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมในยุโรป รวมถึงสนับสนุนการสร้างงานที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามที่สหภาพยุโรปพยายามที่จะบรรลุความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050)

นาง Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า “ความตกลงทางการเมืองเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นับเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายทางสภาพภูมิอากาศและทางเศรษฐกิจที่ทะเยอทะยานของเรา โดยแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในการสร้างภาคอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันได้ในยุโรป เรากำลังร่วมกันทำให้สหภาพยุโรปเป็นผู้นำระดับโลกในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

พระราขบัญญัติฯ นี้เป็นส่วนสำคัญของ Green Deal Industrial Plan เพื่อทำให้สหภาพยุโรปมีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด โดยการตั้งเป้าหมายให้สหภาพยุโรปมีกำลังการผลิตเทคโนโลยี net-zero ให้ได้อย่างน้อย 40% ของความต้องการของสหภาพยุโรปที่คาดหวังไว้ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) กฎหมายนี้จะช่วยสร้างเงื่อนไขด้านกฎระเบียบที่จำเป็นต่อการดึงดูดและส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีและโครงการที่จะมีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะการช่วยให้เกิดโรงงานที่จะผลิตเทคโนโลยี net-zero ให้เพิ่มมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงจะช่วยให้เข้าถึงตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ความยั่งยืนและความยืดหยุ่นของสหภาพยุโรป ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยกระจายแหล่งสินค้าให้หลากหลายและลดการกระจุกตัวจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งมากเกินไป นอกจากนี้ ยังช่วยให้มั่นใจว่าจะมีแรงงานที่มีทักษะที่จำเป็นสำหรับการสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย net-zero อีกด้วย

กฎหมายจะบ่งชี้ถึงชุดเทคโนโลยี net-zero ที่หลากหลายที่จะได้รับการสนับสนุนผ่านโครงการเชิงกลยุทธ์ เทคโนโลยีเหล่านี้ ได้แก่ เทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ (solar photovoltaic: PV) พลังงานลมบนบกและนอกชายฝั่ง (onshore and offshore wind) เซลล์เชื้อเพลิง (fuel cells) อิเล็กโทรไลเซอร์ (electrolysers) แบตเตอรี่ เทคโนโลยีกริด (grid) เชื้อเพลิงทางเลือกที่ยั่งยืน และอื่น ๆ อีกมากมาย

ภายหลังจากที่บรรลุความตกลงชั่วคราวแล้ว อุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง เช่น เหล็ก เคมีภัณฑ์ หรือซีเมนต์ ที่ผลิตส่วนประกอบที่จะถูกนำมาใช้ในเทคโนโลยี net-zero เหล่านี้ และมีการลงทุนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะสามารถได้รับการสนับสนุนในฐานะที่เป็นโครงการเชิงกลยุทธ์ได้เช่นกัน

ความตกลงชั่วคราวฯ จะช่วยส่งเสริมโครงการและการลงทุนด้านการผลิตเทคโนโลยี net-zero ดังนี้

  • สร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เรียบง่ายและเอื้ออำนวยสำหรับเทคโนโลยีสะอาด ด้วยการช่วยลดภาระด้านการบริหารจัดการ และลดความยุ่งยากในการอนุญาตเทคโนโลยี net-zero โดยเฉพาะโครงการ “Net-Zero Strategic Projects” จะเร่งการอนุญาตให้เร็วยิ่งขึ้น ความตกลงชั่วคราวฯ ได้นำแนวคิด Net-Zero Acceleration Valleys มาใช้ ซึ่งประเทศสมาชิกแต่ละประเทศสามารถกำหนดรายละเอียดในการสร้างกลุ่มกิจกรรมทางอุตสาหกรรม net-zero ขี้เองและปรับปรุงขั้นตอนการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การประเมินด้านสิ่งแวดล้อมของพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการวางแผนขั้นต่อไปสำหรับแต่ละโครงการ
  • เร่งการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในสหภาพยุโรป ด้วยการกำหนดเป้าหมายที่จะกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในแหล่งกักเก็บทางธรณีวิทยาให้ได้ 50 ล้านตันภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) โครงการ “Net-Zero Strategic CO2 Storage Projects” จะเกิดขึ้นได้ด้วยการมีส่วนร่วมของผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซในสหภาพยุโรปตามสัดส่วนการผลิต นอกจากนี้ ยังได้ขจัดอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อเป็นโซลูชันด้านสภาพภูมิอากาศที่ใช้งานได้จริงในเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูงและยากต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ช่วยให้เข้าถึงตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ net-zero โดยกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐต้องพิจารณาเกณฑ์ด้านความยั่งยืนและความยืดหยุ่นในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเทคโนโลยี net-zero บางประเภท รวมถึงการประมูลเพื่อนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ สำหรับขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ต้องใช้เกณฑ์เพิ่มเติมอย่างน้อยหนึ่งเกณฑ์ระหว่างความยั่งยืนทางสังคม ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการส่งมอบที่ตรงเวลา ในส่วนของการประมูลเพื่อนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ ได้กำหนดเกณฑ์บังคับที่ไม่ใช่ด้านราคาขึ้นมา ได้แก่ การมีส่วนร่วมด้านความยั่งยืนและความยืดหยุ่นของการประมูล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ  และความสามารถในการส่งมอบโครงการได้ครบถ้วนและตรงเวลา เกณฑ์เหล่านี้จะต้องนำไปใช้อย่างน้อย 30% ของปริมาณ หรือ 6 กิกะวัตต์ ที่จะมีการประมูลในทุกปีโดยประเทศสมาชิก
  • สนับสนุนการพัฒนาทักษะและนวัตกรรม net-zero ด้วยการจัดตั้ง Net-Zero Industry Academies เพื่อช่วยยกระดับทักษะของแรงงานที่จำเป็นสำหรับการขยายอุตสาหกรรม net-zero ในสหภาพยุโรป เพื่อช่วยในการเคลื่อนย้ายแรงงานภายในตลาดเดียวของยุโรป นอกจากนี้ ยังรวมถึงสิ่งจูงใจสำหรับอุตสาหกรรมที่จะลงทุนในการศึกษาและฝึกอบรมแรงงานในยุโรป กฎเกณฑ์ใหม่จะช่วยให้ประเทศสมาชิกพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยี net-zero ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ภายในพื้นที่กำกับดูแลเป็นการเฉพาะ (regulatory sandboxes) ภายใต้เงื่อนไขที่ยืดหยุ่น เพื่อส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม

พระราชบัญญัติฯ นี้ได้คาดว่าจะมีการสร้าง Net-Zero Europe Platform ขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการประสานงานกลาง ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อช่วยในการนำไปดำเนินการและสนับสนุนความคิดริเริ่มด้านการลงทุนทั่วทั้งสหภาพยุโรป

ความตกลงทางการเมืองนี้จะนำเข้าสู่การพิจารณาให้ความเห็นชอบอย่างเป็นทางการจากสมาชิกของทั้งคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปและรัฐสภายุโรป และจะมีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันที่เผยแพร่ใน Official Journal of the European Union

อ้างอิง

https://ec.europa.eu/commission/presscorner/detail/en/ip_24_680